สวัสดีค่ะ ขออภัยที่ห่างหายไปนาน ช่วงที่หายไปก็ได้ไปลองทำอะไรใหม่ๆมาค่ะ ไปลองทำ content ใน tiktok บ้าง ไปหัดทำอาหารบ้าง แล้วก็ที่จะมาเล่าวันนี้ก็คือได้ไปศึกษาหาวิธีจัดตกแต่งบ้านมาค่ะ

คือเนื่องจากแตงเองอยู่ที่คอนโดค่ะ อยู่มาประมาณ 15-16 ปีแล้ว ของในบ้านก็สะสมไปมาตามปีที่เราอยู่ ของเก่าของพังก็ยังเสียดายไม่ได้เอาไปทิ้งหรือบริจาคสักที ของเล่นของใช้ของลูกที่ซื้อมาตั้งแต่แรกเกิดจนตอนนี้ 11 ขวบแล้วก็ยังเก็บไว้อยู่เลย พอทุกอย่างกองรวมกันในบ้านขนาด 52 ตร.ม.ก็เลยทำให้บ้านดูรกไปหมด และช่วงนี้แตง work from home ค่ะ พอเราอยู่บ้านนานๆ หันซ้ายก็เจอของรกๆ หันขวาก็เจอของพังๆ ก็ทำให้เรารู้สึกไม่สดชื่น ไม่มีกำลังใจในการทำงาน เอาเป็นว่าถ้าต้องเปิดกล้องประชุม ก็ไม่รู้จะเปิดมุมไหนเพราะมันรกไปหมด สุดท้ายก็เลยรู้สึกว่า ไม่ได้การละ เราต้องลุกขึ้นมาเคลียร์บ้าน จัดเก็บข้าวของให้มันสะอาดเป็นระเบียบสักที ก็เลยไปหาวิธีจัดระเบียบบ้านมาศึกษาดูค่ะ จริงๆก็มีหนังสือที่เคยซื้อไว้เยอะแยะนะคะ แต่ก็รู้สึกว่าทำไมนะเราทำตามไม่ได้สักที แต่หลังจากที่ได้เจอรายการและช่องต่างๆใน youtube, netflix และ viu แตงก็เลยได้เคล็ดลับมาค่ะ ตอนนี้จากบ้านรกๆ ขอบอกเลยว่าตอนนี้บ้านโล่งกว้างมาก พื้นที่บางจุดที่เราปล่อยรกร้างจนไม่สามารถใช้การได้ ก็กลับมาเป็นมุมใหม่มุมโปรดของเราได้เลย

วันนี้ก็เลยอยากมาแชร์รายการ/ช่องต่างๆที่แตงได้รับเคล็ดลับในการแต่งบ้านมาให้ทุกๆคนได้ตามไปหาดูกันนะคะ รับรองว่าเป็นรายการ/ช่องทางที่มีเนื้อหาที่มีประโยชน์ต่อการจัดบ้านแบบเน้นๆจริงๆค่ะ

Tidying up with Marie Kondo – จัดบ้านเปลี่ยนชีวิตกับมาริเอะ คนโด – Netflix

แน่นอนว่า ถ้าพูดถึงเรื่องการจัดระเบียบบ้าน ยังไงก็ต้องคิดถึงมาริเอะ คนโดะ เป็นคนแรกแน่ๆค่ะ มาริเอะจะโด่งดังเรื่อง spark joy การพับผ้าเป็นแนวตั้ง และการแสดงความขอบคุณต่อสิ่งของที่เราใช้มานานและถึงเวลาที่ต้องปล่อยมันไป

เคล็ดลับที่แตงได้จากการดูมาริเอะ ก็คือ

1.เรื่องการพิจารณาและตัดสินใจว่าของชิ้นไหนเราจะเก็บหรือเราจะทิ้ง

หลักสำคัญที่สุดในการจัดเก็บบ้านคือ การเคลียร์เอาของที่ไม่ใช้ออกไปจากบ้านให้มากที่สุดค่ะ ถ้าเราไม่ยอมทิ้งหรือบริจาคเลย ของมันก็จะยังแน่นบ้านอยู่เหมือนเดิม และเราก็จะไม่สามารถจัดเก็บได้ค่ะ เพราะพื้นที่ในบ้านเรามีไม่พอ

แต่การที่จะตัดสินใจว่าของชิ้นที่เราเก็บมานานแสนนาน ของที่มีคุณค่าทางจิตใจ เราจะขอเก็บต่อไปได้มั๊ยนะ แต่ถ้าเก็บ บ้านก็จะรกเหมือนเดิม… ปัญหาข้อนี้ มาริเอะได้แนะนำว่า ให้ลองคิดดูว่า ของช้ินนี้จะมีประโยชน์ต่อเราในอนาคตไหม ให้ลองจินตนาการถึงภาพในอนาคตดูว่า เรายังอยากเอาของชิ้นนี้ไปสู่อนาคตของเราต่อไหม อนาคตของเรายังจำเป็นต้องใช้ของสิ่งนี้หรือไม่ จริงๆแตงก็จำไม่ได้เป๊ะๆนะคะ เพราะดูมานานแล้ว แต่คุ้นๆว่า มาริเอะพูดประมาณว่า ให้คิดไว้เสมอว่าเราจัดเก็บบ้านเพื่อตัวเรา เพื่อครอบครัวเราในอนาคต ไม่ใช่ตัวเราในอดีต อย่างเสื้อผ้าที่เราคิดว่าเดี๋ยวถ้าอนาคตเราผอมเราจะได้ใส่ แต่ให้คิดดูให้ดีว่าถึงตอนนั้นแฟชั่นมันก็เปลี่ยนไปไกลแล้ว ชุดที่เราเก็บไว้ถึงจะใส่ได้ก็จริง แต่เราอาจจะไม่หยิบมาใส่เพราะว่ามันเชยไปแล้วก็ได้ หรือบางคนเก็บกล่องรับจดหมายอันแรกในชีวิตเอาไว้เพราะทำมาเองกับมือและทำให้ระลึกถึงวันแรกที่ได้มีบ้านเป็นของตัวเอง แต่ว่าปัจจุบันนี้ก็ไม่ได้เอามาใช้งานแล้ว แถมยังเก็บลืมไว้ในโรงรถมานานสิบปี สุดท้ายเมื่อคิดดูแล้ว เขาก็ยอมทิ้งมันไปเพราะรู้ดีว่ายังไงเขาก็ไม่เอามันมาใช้งาน และสุดท้ายก็จะเก็บลืมไว้ในโรงรถเหมือนเดิม

2. การแสดงความขอบคุณต่อสิ่งของที่เราทิ้งหรือบริจาค

อันนี้ก็ถือเป็นกุศโลบายอันชาญฉลาดที่มาริเอะเอามาใช้ เพราะอะไรที่เรามีความผูกพันกับมันมานานก็คงยากที่จะปล่อยมันหลุดจากมือ แต่พอเราได้รำลึกถึงช่วงเวลาที่เคยใช้สิ่งของนั้นมาและแสดงความขอบคุณต่อสิ่งของนั้นที่อยู่กับเรามาตลอด มันก็ทำให้เราได้มีเวลาใช้สมองและสติในการพิจารณาเหตุและผลว่าทำไมถึงต้องทิ้งมันไปโดยมีเรื่องอารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้องน้อยลงนั่นเองค่ะ

3.เรื่อง spark joy

จริงๆก็เป็นส่วนนึงของข้อแรก ที่เอามาใช้ในการคัดเลือกสิ่งของที่เราจะเก็บเอาไว้ กรณีที่เรามีของประเภทเดียวกันเยอะๆ เช่น จานชามที่สะสมไว้เป็นสิบๆเซ็ท อันนี้ก็ต้องใช้วิธีคัดเลือกโดยการใช้ spark joy เข้ามาช่วย ว่าช้ินไหนนะที่เราดูแล้วเรายังรู้สึกชอบยังรู้สึกมีความสุขที่ได้ใช้มันอยู่ ชิ้นนั้นเราก็เก็บเอาไว้ แต่ถ้าชิ้นไหนที่เราเฉยๆ ไม่ได้ spark joy กับมันแล้วก็คัดออกเอาไปบริจาคให้กับคนอื่นๆได้ใช้บ้าง หรือบางคนชอบซื้อของตกแต่งคริสมาสตร์ไว้เยอะๆจนเต็มบ้านไปหมด ก็ต้องคัดออกโดยดูว่าชิ้นไหนที่ทำให้เรา spark joy ซึ่งก็อาจจะต้องกำหนดจำนวนไปด้วย เช่นจะเก็บแค่ 10 ชิ้นพอนะ ก็ต้องมาจัดลำดับเอาว่าชิ้นที่ทำให้ spark joy มากที่สุด 10 ชิ้นแรกคือชิ้นไหนบ้างก็เก็บไว้ค่ะ

4.การพับเสื้อผ้าให้ตั้งได้

วิธีการนี้ถือเป็นวิธีที่ดีมากในการจัดเก็บเสื้อผ้าค่ะ เพราะเวลาเอาไปจัดเรียงในลิ้นชักหรือกล่องมันจะหยิบใช้ได้ง่าย มองเห็นได้ทั่ว และไม่ทำให้กองเสื้อผ้าล้มลงมาเละเทะกระจัดกระจายค่ะ แล้วอีกอย่างก็คือมันจะเป็นการจำกัดจำนวนเสื้อผ้าของเราไปด้วยในตัวค่ะ เพราะปกติถ้าเราวางกองเสื้อผ้าเป็นตั้งๆสูงๆขึ้นไปพื้นที่มันจะมีแทบไม่จำกัด (จนกว่ามันจะถล่มลงมาเอง) แต่พอเราเอามาจัดเก็บเป็นแนวนอนมันก็จะถูกจำกัดด้วยขนาดของลิ้นชักหรือกล่องนั้นๆ ถ้ามันเต็มแล้ว เราก็จะรู้แล้วว่าเราจะซื้อเสื้อผ้ามาเพิ่มไม่ได้แล้วนะเพราะไม่มีที่เก็บนั่นเองค่ะ

นั่นก็คือข้อคิดหลักๆที่แตงได้จากการดูมาริเอะนะคะ จริงๆมีเคล็ดลับดีๆอีกหลายข้อ ซึ่งแต่ละคนคงต้องไปดูเอาเองค่ะ และแตงอยากแนะนำอีกรายการนึงที่เหมือนเป็นการต่อยอดแนวคิดการจัดเก็บบ้านของมาริเอะและเอามาทำให้น่าสนใจมากขึ้นไปอีกค่ะ นั่นก็คือรายการนี้ค่ะ

The house detox – บำบัดบ้านบำบัดจิตใจ – VIU

รายการนี้เป็นของเกาหลีค่ะ สิ่งที่แตงชอบรายการนี้หลักๆก็คือ บ้านคนเกาหลีส่วนใหญ่มักจะเป็นคอนโดหรืออพาทเมนต์ค่ะ พื้นที่แม้จะมากกว่าของเราแต่ก็ให้ความรู้สึกจับต้องได้ ทำตามได้ง่ายกว่า แบบแปลนต่างๆ ก็จะคล้ายๆกัน ทำให้เอาไอเดียมาปรับใช้กับบ้านของเราได้ ต่างจากรายการของมาริเอะที่ส่วนใหญ่เป็นบ้านของชาวอเมริกันที่กว้างขวางและมีหลายชั้นนั่นเองค่ะ และอีกอย่างคือของมาริเอะจะเป็นแนวแนะนำการจัดเก็บ แต่ของรายการนี้ พอเคลียร์ของในบ้านเรียบร้อยแล้ว ทางรายการจะให้ผู้เชี่ยวชาญเรื่องการจัดบ้าน มาจัดบ้านให้ใหม่ แม้ไม่ถึงกับ make over แต่ก็จะมีการสลับเอาห้องนั้นห้องนี้มาใช้งานเป็นอีกแบบที่ดูเหมาะสมกว่า หรือการเอาเฟอร์นิเจอร์ชิ้นเดิมมาจัดวางและใช้งานในแนวใหม่ที่มีประโยชน์มากขึ้น จึงทำให้เราได้แนวทางหรือไอเดียในการจัดบ้านที่นอกจากจะสวยงามเรียบร้อยและดูกว้างขวางขึ้น ยังทำให้เรารู้จักคิดนอกกรอบอีกด้วยค่ะ

แนวคิดสำคัญที่ได้จากรายการนี้

1.กำหนดพื้นที่และบทบาทของพื้นที่นั้นๆให้ชัดเจน

เช่น ห้องนั่งเล่น ก็ควรมีแค่เฟอร์นิเจอร์และสิ่งของที่ใช้สำหรับห้องนั่งเล่นเท่านั้น หากเป็นคนชอบออกกำลังกายและมีอุปกรณ์ออกกำลังกาย ก็ต้องหาพื้นที่ที่จะวางอุปกรณ์เหล่านั้นให้ชัดเจน แม้จะไม่มีห้องเพียงพอที่จะทำห้องออกกำลังกายแบบเป็นสัดเป็นส่วน ก็ต้องแบ่งพื้นที่ออกมาเพื่อที่สิ่งของที่เกี่ยวกับการออกกำลังกายมันจะไม่ถูกวางไปทั่วบ้านนั่นเอง และเมื่อเรากำหนดบทบาทของพื้นที่นั้นชัดเจนแล้ว เราก็จะรู้แล้วว่าเราเอาของออกมาจากที่ไหนและจะเอาไปเก็บไว้ที่ไหน จะไม่วางทิ้งไว้มั่วซั่ว แล้วก็จะไม่เอาของไม่เกี่ยวข้องกับพื้นที่นั้นๆไปวางไว้ให้รกเละเทะอีก

2.ตัดใจบริจาคสิ่งของในวันที่มันยังใช้งานได้ดีอยู่ดีกว่าปล่อยทิ้งให้มันเสื่อมสภาพจนใช้การไม่ได้

หลายๆคน โดยเฉพาะคนแก่ๆ มันจะเสียดายของ จะคิดว่าอย่าทิ้งเลยของยังดีอยู่ยังใช้ได้อยู่ แต่จริงๆก็เก็บเอาไว้ไม่ได้หยิบมาใช้มาสี่ห้าปีแล้ว ดังนั้นการที่เราเอาของดีๆที่ยังใช้การได้นี่แหละเอาไปบริจาคให้คนอื่นๆเอาไปใช้ได้ต่อ มันจะมีประโยชน์กว่าเก็บของนั้นๆไว้ในตู้โดยไม่ได้ใช้งานเลยจนสุดท้ายก็ผุพัง แล้วก็ไม่มีใครได้ประโยชน์อะไรจากมันสักคน

3.สิ่งของที่มีคุณค่าทางจิตใจ แต่ไม่สามารถใช้การได้แล้วในปัจจุบันและอนาคต ควรเก็บไว้ในรูปแบบของรูปถ่าย

เราสามารถเอารูปถ่ายนั้นมาเก็บใส่เป็นแฟ้มหรืออัลบั้มที่จัดเก็บได้ง่ายและประหยัดพื้นที่ แล้วก็ยังสามารถหยิบมาดูเพื่อระลึกถึงเรื่องราวต่างๆได้ง่ายและยาวนานอีกด้วย ของบางอย่างเช่นถ้วยรางวัล บางคนอาจจะมีเยอะมากแล้วก็เก็บกองๆสุมๆกันจนสุดท้ายก็ไม่ได้หยิบมาดูอีกเลย แถมยังกักเก็บฝุ่นอีกด้วย หากเราคัดออก เก็บเฉพาะชิ้นสำคัญจริงๆแค่สองสามชิ้น แล้วเอามาตั้งโชว์ มันก็จะดูโดดเด่นขึ้นมา น่ามอง และดูน่าสนใจกว่าที่เบียดเสียดอยู่กันเป็นสิบๆชิ้น ส่วนชิ้นอื่นๆอาจจะเก็บใส่กล่องไว้ หรือทิ้งไปหากไม่มีที่ แต่ก็ถ่ายรูปเก็บไว้เพื่อเอาออกมาโชว์ให้คนอื่นๆดูในภายหลังได้ง่ายๆ

4.การวางเฟอร์นิเจอร์ เมื่อเปิดประตู เราควรเห็นเฟอร์นิเจอร์ช้ินเล็กๆและเตี้ยๆก่อน ส่วนเฟอร์นิเจอร์ช้ินใหญ่ๆสูงๆให้วางไกลๆสายตา จะช่วยให้ห้องดูกว้างขึ้น

5.สิ่งแรกที่เห็นเมื่อเข้ามาในบ้านควรเป็นสิ่งที่ดูเรียบร้อย สวยงาม ไม่รกตา

ในรายการมักจะชอบจัดให้เราเห็นโซฟาเป็นอันดับแรกเมื่อเข้าบ้าน เพราะเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่เรียบง่ายไม่มีอะไรรกรุงรัง ส่วนทีวีจะวางด้านตรงข้ามโซฟา ซึ่งเราจะเห็นต่อเมื่อเราหันไปดู เนื่องจากตรงส่วนทีวีมักจะมีสายไฟห้อยรุงรังดูไม่เรียบร้อยนั่นเอง

รายการนี้มี 2 ซีซั่นนะคะ มีของปี 2020 และ 2021 แนะนำเป็นอย่างยิ่งว่าต้องดูค่ะ รับรองว่าได้ไอเดียเยอะมากๆแน่นอนค่ะ

Bowie Atthama – Youtube

อันนี้บังเอิญมาก เราไม่รู้มาก่อนเลยว่าคุณโบวี่จะแต่งบ้านเก่ง เหมือนเราก็เข้าไปดูรายการแต่งบ้านโน่นนี่ใน youtube ไปเรื่อยๆ แล้ว youtube ก็แนะนำคลิปของคุณโบวี่มา ซึ่งเป็นคลิปที่คุณโบวี่รีวิวบ้านเล็กๆที่เป็นบ้านน็อคดาวน์ขนาด 21 ตรม. ซึ่งก็เหมาะกับชาวคอนโดอย่างเราๆมาก ซึ่งในคลิปคุณโบวี่แนะนำไอเดียไว้ดีมากๆเลยค่ะ ที่จำได้ก็มีดังนี้

1.พื้นที่ตรงประตูบ้าน เมื่อเปิดประตูเข้ามาควรมีพื้นที่สำหรับวางของวางกระเป๋าจะเป็นโต๊ะหรืออะไรก็ได้ อย่างเวลาเราซื้อของเข้าบ้าน หิ้วของมาพะรุงพะรัง พอเปิดประตูเข้ามาก็จะได้เอาวางพักไว้บนโต๊ะได้ก่อน ก่อนที่จะเอาไปจัดเก็บตามจุดต่างๆต่อไป จะได้ไม่เอาวางไว้บนพื้นให้ระเกะระกะ

2.ส่วนครัว ถ้าครัวมีขนาดเล็ก อย่างน้อยควรมีโต๊ะเล็กๆหรือชั้นวางที่มี top ด้านบนที่เราสามารถทำเหมือนเป็น island เล็กๆได้ เพื่อที่จะได้ใช้วางจานหรือเป็นที่จัดเตรียมของได้ และหากสามารถใช้เป็นโต๊ะอาหารได้ด้วยก็จะยิ่งมีประโยชน์และประหยัดพื้นที่ได้มากขึ้น

3.การจัดเก็บสิ่งของในแนวตั้ง เช่น การทำชั้นวางด้านบน ก็จะช่วยเพิ่มพื้นที่จัดเก็บสำหรับบ้านที่มีพื้นที่เล็กๆได้ดี

จริงๆในช่องของคุณโบวี่มีคลิปที่แนะนำไอเดียในการจัดแต่งบ้านหลายคลิปและมีประโยชน์มากจริงๆค่ะ เป็นเหมือนคำแนะนำจากผู้ใช้งานจริงอะไรประมาณนั้น ทำให้เราเห็นภาพและเอาไปทำตามได้จริง แนะนำเลยค่ะ

บ้านและสวน Channel – Youtube

ในช่องนี้จะมีรายการที่ชื่อว่า คน/จัด/สิ่งของ เป็นรายการที่น่าสนใจ คือจะเป็นรายการที่ไปตามบ้านของคนที่มีปัญหาเรื่องการจัดเก็บบ้านในเรื่องต่างๆ เช่น ห้องครัวรก หรือตู้เสื้อผ้าทะลัก ทางรายการก็จะไปแนะนำวิธีจัดบ้านในเรื่องนั้นๆ ก็จะเป็นคลิปที่ไม่ยาวมาก และเจาะจงในแต่ละเรื่องดีค่ะ

HomePro Thailand – Youtube

ในช่องนี้ก็จะมีรายการที่ชื่อว่า Home Makeover ปรับบ้านเปลี่ยนชีวิต อันนี้จะเป็นแนว make over ทำบ้านให้ใหม่เลยค่ะ อันนี้ก็จะได้ไอเดียจากผู้เชี่ยวชาญเลยว่าควรเลือกเฟอร์นิเจอร์ยังไงและจัดแต่งยังไงถึงจะลงตัว

ค่ะ ทั้งหมดนั่นคือรายการ/ช่องทางที่เกี่ยวกับการจัดตกแต่งบ้านที่แตงชอบดูและได้ไอเดียมาเยอะมากค่ะ เลยอยากจะแนะนำให้ทุกๆคนได้รู้จักและไปตามหาดูกันค่ะ

ส่วนใครอยากรู้ว่าเออ…ดูเยอะขนาดนี้ แล้วบ้านของแตงเป็นยังไงนะ ก็เข้าไปติดตามได้นะคะในแอป Tiktok ค่ะ ลิงค์นี้เลย อาจจะไม่ได้สวยอะไรมาก เพราะอย่างที่บอกว่าคอนโดนี้ก็อยู่มานานแล้ว เฟอร์นิเจอร์บางอย่างจริงๆก็อยากปรับเปลี่ยนเหมือนกันแต่ก็ขนย้ายลำบากและไม่อยากฟุ่มเฟือยด้วยค่ะ ขอแค่ปรับให้ดูกว้างขึ้น เรียบร้อยเป็นระเบียบ และใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวันก็มีความสุขแล้วค่ะ

Leave a comment